คำสำคัญ Japanese Invasion Of Korea

ในช่วงยุคโชซอน สองเพื่อนรักต่างฐานันดรที่เติบโตมาด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนาย ส่วนอีกคนเป็นบ่าว ได้กลับมาพบกันหลังสงครามปิดฉากลงในฐานะศัตรู

สร้างจากสงครามแห่งประวัติศาสตร์เกาหลีในปี 1598 นำโดย "นายพลเรืออีซุนชิน" (คิมยุนซ็อก) ที่นำทัพเรือเกาหลี เข้าสู้กับกองทัพจากญี่ปุ่น

ปี 1597 หกปีหลังญี่ปุ่นรุกรานเกาหลี นายพลเรืออีซุนชินผู้ถูกปลดหลังถูกกล่าวหากลับมานำทัพอีกหน โชซอนยิ่งร้อนรุ่มเมื่อเรือเต่าโดนเผาและทหารรับจ้างคุรุชิมะ นักวางแผนผู้โหดเหี้ยม เป็นผู้นำทัพญี่ปุ่น

เมษายน 1952 โชซอนใกล้แพ้สงครามอิมจินและเสียเมืองฮันยางใน 15 วัน ทัพผู้รุกรานรวมตัวที่ปูซานหวังพิชิตหมิงต่อ หลังพ่ายแพ้มาหลายครา กษัตริย์ซอนโจทิ้งโชซอนหนีไปอึยจู ด้านนายพลเรืออีซุนชินเตรียมสู้ศึกเพื่อชาติ

"เราต้องการใช้งานมือปืนในโซล ไปพาพวกเขามา" ปี 1933 ในยุคที่มาตุภูมิล่มสลาย นักฆ่าสามคนของรัฐบาลชั่วคราวเกาหลี ที่ทางญี่ปุ่นไม่เคยเห็นหน้า อันอ๊กยูน (จอนจีฮยอน) สไนเปอร์กองทัพอิสระหน่วย 3 เสือปืนกล จบจากโรงเรียนนายร้อย ฮวังด๊อกซัม (ชเวด็อกมุน) มือระเบิดสังหาร ยอมซอกจิน (อี จองแจ) อธิบดีกรมตำรวจ และแล้วปฏิบัติการของพวกเขาได้เริ่มขึ้น

กองทัพกระบี่อิงจันทราที่หวังจะสร้างสันติสุขให้แก่แผ่นดิน เกิดความขัดแย้งกับคณะรัฐประหาร โดยมี คโยยอบ ผู้ทรยศหันไปสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ยอมแม้แต่จะฆ่าฟันพี่น้องในกองทัพและเหล่าแม่ทัพอย่างโหดเหี้ยมเลือดเย็น เมื่อชอย จีฮวาน และ ชียอง ลูกสาวแม่ทัพ คิม อิน รอด ชีวิตมาได้ ทั้งสองตั้งปณิธานหมายมุ่งจะชำระแค้นคืน จึงได้ติดตามล่าสังหารบรรดาผู้นำคณะปฏิวัติและฮ่องเต้กังฉิน ด้วยหน้าที่ความภักดีและเส้นขนานซึ่งต่างอุดมการณ์ได้ผันเปลี่ยนความรักความผูกพันที่เคยมีต่อกันตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยของ คโยยอบ, ชอย จีฮวาน และ ชียง ให้ต้องหันมาห่ำหั่นประหัตถ์ประหารกัน

เจ้าหญิงด็อกฮเย ได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าหญิงองค์สุดท้ายของเกาหลี” ประสูติเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 1912 เป็นพระราชธิดาองค์เล็กของสมเด็จพระจักรพรรดิโกจง ที่ถูกนำตัวไปพำนักยังประเทศญี่ปุ่น ด้วยข้ออ้างเรื่องการศึกษาต่อขณะมีพระชันษาเพียง 12 พรรษา และเมื่อมีพระชันษา 19 พรรษา ได้ถูกคลุมถุงชนกับชายหนุ่มจากตระกูลชั้นสูงของญี่ปุ่นที่ชื่อ โซ ทะเกะยุกิ ซึ่งพระองค์ต้องเฝ้าดูอย่างไร้อำนาจเมื่อประเทศเกาหลีของเธอกำลังถูกทำลาย จนกระทั่งพระองค์สามารถกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดอย่างประเทศเกาหลีใต้ในปี 1962 จึงได้เสด็จกลับ และใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในประเทศเกาหลีจนสิ้นพระชนม์ในปี 1989 ที่ตำหนักนักซอน พระราชวังชางด็อก “บ้าน” เป็นที่ๆ เราอยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัว เพียงแค่ลองจินตนาการดู ว่าวันหนึ่งต้องถูกบังคับให้ออกจากบ้าน และไม่สามารถกลับมาได้ เป็นเวลายาวนานถึง 37 ปี จะรู้สึกอย่างไร…เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่ง ผู้นั้นก็คือ “องค์หญิงด็อกฮเย” เจ้าหญิงองค์สุดท้ายของราชวงศ์โชซอน

มูเมียว(โช ซังวู) ชายหนุ่มกำพร้าคนรับจ้างแจวเรือที่รับจ๊อบเป็นนักล่า หัวเงินรางวัล กับ แจยัง(ซู-เอ) หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กลายเป็ นราชินีแห่งเกาหลีอยู่รอมร่อ ซึ่งแน่นอนรักนี้ย่อมมีอุปสรรค แต่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อได้อยู่ใกล้ๆ เธอ รวมถึงการหาทางเข้ามาเป็นองค์รักษ์หลวงด้วย ในขณะที่ผู้ที่เป็นราชินีเยี่ยงเธอนั้น มีภาระหน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวง จนอาจต้องยอมละทิ้งความปรารถนาแห่งหัวใจของตนไป ยิ่งในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองครุกรุ่นเช่นนี้ ที่แม้แต่ชีวิตของพระราชินียังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดอยู่ข้างเธอจนถึง ที่สุด

เรื่องราวการต่อสู้เพื่อคืนเอกราชให้กับประเทศของกลุ่มปลดปล่อยเกาหลี ให้หลุดพ้นจากการครอบครองของญี่ปุ่น

Admiral Yi Sun-shin, who led the Joseon Navy to a myth of invincibility during the Hideyoshi invasion, was a true soldier and leader who struggled to protect people. Drama Yi Sun-shin is not a biography of Admiral Yi Sun-shin, nor does it inetnd to reconstruct a part of the Joseon Dynasty that existed in the 16th century. This drama will merely look into many human beings, incliuding Yi Sun-shin, who underwent an extreme situation. It is not just a historical drama series. It’s rather about human nature that makes both of the war and peace. It is a Korean version of “War and Peace” in 21st century. No hero has ever been sent by heaven. He has emerged as one ultimately after undergoing a lifelong process. Drama Yi Sun-shin is designed to shed a new light upon him as a human being.

Based on the life of Empress Myeongseong (1851 - 1895), the first official wife of King Gojong, the 26th king of the Joseon dynasty. She was killed on October 8, 1895 by Japanese assassins.

Set during the period of the 1894 Donghak Peasant Revolution against the Japanese, the drama tells the story of two half-brothers, one illegitimate and low born, and one, part of the pro-Japanese ruling elite, who find themselves on opposite sides of the conflict.

Set in the early 1900s, this drama tells the story of a young man from Korea who grows up in the United States. When he returns to Korea as a US Marine Corps officer, he meets and falls in love with a noblewoman who is fighting for Korean independence. Their romance is complicated by social class and political ideology.

Jingbirok, the name of a book written by real-life Joseon historian and scholar Ryu Seong Ryong (Kim Sang Joong),detailing the Imjin War (1592-1598). The drama will be a telling of historical events with the scholar as the central character, in the samevein as “Jung Do Jun”(who influenced the founding of the Joseon dynasty). Ryu Seong Ryong was an official who served during King Seonjo’s reign in the late 16th century. He was a brilliant Confucian scholar who was put in charge of military operations during the Imjin War, and greatly influenced AdmiralLee Soon Shin.

July 1590, Odawara. Toyotomi Hideyoshi's army had surrounded the Odawara Castle for over 3 months, hoping to conquer this last obstacle to his dream of the country's unification. Standing at the gate of the castle, a lone man facing the menacing guards shouted out: "Do not throw your lives away. Treasure living!". Not long after, the castle gates opened and the reigning lord surrendered. The name of that man is Kuroda Kanbee. An excellent military strategist, he worked hand-in-hand with Hideyoshi to unify the country.

Princess Go was the youngest of the most famous three sisters in Japanese history, who each led a remarkable life in an age of turmoil and civil war. Go loses her parents in the war, marries three times, and feuds with her own sister in competing for power. Go's husband becomes the second Tokugawa Shogun and she ensures her prominence as she gives birth to a son who later becomes the third Shogun and a daughter, a wife of the Emperor. The drama describes the age of the civil war through the eyes of Princess Go, who plays a significant part in establishing the age of peace that lasts over 200 years in Japan.

The fifth episode of the 500 Years of Joseon Dynasty series depicts the history of the Imjin War, also known as the Seven Year War, where the newly unified Japan was led by Toyotomi Hideyoshi and invaded Korea twice, from 1592 to 1598. The fighting in this extended period includes the famous naval battles under Admiral Lee Soon Shin.

The Daewongun of the title refers to Heungseon Daewongun, or Yi Ha Eung, a descendent of King Yeongjo and regent to King Gojong. This episode details the years spanning from the reign of King Cheoljong to the Empire under Gojong and Empress Myeongseong, and finally the fall of the dynasty.